จุดเกิดเหตุ…หยุดยาสิว
ดิฉันได้เข้าร่วมการงานบริษัท
มีการบรรยายหัวข้อ “ทำไมต้องรักตัวเอง” ในวันนั้น คำพูดของเภสัชกรคนหนึ่งมันอยู่ในห้วของดิฉันตลอดมา
“ด้วยเกียรติของผมซึ่งเป็นเภสัชกรที่มีชื่อเสียง
ผมไม่แนะนำให้กินยาและผมก็ไม่กินแม้แต่ยาพาราเซตามอล” อ้าว
ทำไมละ??? เวลาเดินเข้าร้านขายยา แค่บอกอาการ ก็ได้ยามาเป็นเซ็ทเลยแต่พี่แกกลับบอกว่าไม่แนะนำให้กินยา สรุปก็คือ การกินยาประเภทเดิมๆ
เป็นเวลานานมันทำให้ตับคุณขี้เกียจทำงาน ลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ นั่นเอง ….เราต้องเอา
มัน (ยา) ออกไป
“ล้างพิษ ระงับสิว”
อุ้มนั่งทำการบ้านเรื่องการล้างพิษของยา
ศึกษาพอสมควร จึงตัดสินใจทดลองมันทุกอย่างเท่าที่ตัวเองสามารถทำได้ โอ้ๆ นี่แค่สิว
มันไม่ใช่สิว สิว มันคือตับ ใต ภายใต้ทั้งหมดมันเกี่ยวกันหมดเลย วันนี้เรารู้แล้วว่าสาเหตุ
ของสิวคืออะไร? เราก็ต้องเริ่มต้นตรงนั้น
รีเซตระบบร่างกายซะใหม่แล้วนับ หนึ่งใหม่อีกครั้ง ปรับสมดุลให้กับร่างกายทั้งการกิน
การนอน การดำรงชีวิต ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ เดืนทางสายกลางนั่นละ ยัยอุ้มเอ้ย … นี่ละที่เขาว่า
รู้ไว้ประดับหัวแต่ไม่ทำ
กินไม่เป็น
>>>ก็เป็นสิว (แถมป่วย)
การกินคนเรานี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
จริงๆ กินมากก็อ้วน เป็นโรคตามมา กินน้อยก็ผอม เป็นโรคตามได้ กินไม่เป็นยิ่งร้ายไปกันใหญ่
หรือภาษาบ้านดิฉันคือ สักแต่กิน เค้าเรียกว่า กินไม่คิด
คุณเคยได้ยินปะ You Are What You Eat กินอย่างไรได้อย่างนั้น จริงๆแล้วอุ้มก็รู้นะ
แต่ก็ยังกินไม่คิด จนเป็นผลพวงที่ตามมา คือสภาพที่เห็นสุขภาพผิวยังกะป้าแก่เชียว
ในเว็บไซด์นึงที่อุ้มได้อ่านผ่านสายตา
รู้สึกว่าช่างคล้ายกับตัวเองมาก (ขออภัยจำชื่อเว็บไม่ได้) เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนนึงที่มีชีวิตที่ดี หน้าที่การงานดีมาก
ได้รับเงินเดือนสูง สามีก็ทำงานในตำแหน่งดีเช่นกัน แต่ไม่มีบุตร เมื่อมีเงินมาก
จึงใช้จ่ายในการกิน ดื่ม เที่ยว เต็มที่
สถานเสริมความงามที่ใดที่มีเสียงเล่าลือว่ารักษาผิวหน้า ผิวตัวได้ดี
เธอจะต้องแวะเข้าไปใช้บริการไม่มีเว้น เครื่องสำอาง เครื่องบำรุงผิว แพงเท่าใด
เป็นต้องหาซื้อมาใช้ เพราะเธอมีปัญหาที่ผิวซึ่งแพ้ง่าย ตัวคัน เธอเล่าให้ฟังว่า
เพราะกลัวอ้วน มื้อเย็นไม่เคยทานข้าว แต่จะทานไก่ เป็นอาหารหลักทุกเย็น
จนกระทั่งวันหนึ่ง
ไปหาหมอ หมอบอกให้นอนโรงพยาบาลทันทีเพื่อผ่าตัดมดลูกออก เนื่องจากก้อนมดลูกโตมาก
เธอไม่อยากผ่าตัด กลับไปหาแม่ที่ต่างจังหวัด แม่บอกว่าไม่ต้องผ่า
จะรักษาด้วยสมุนไพรพื้นบ้านเอง
เธอกลับบ้านพร้อมกับทานรางจืด
๒ แคปซูลพร้อมกับน้ำซาวข้าว วันละ ๒ ครั้ง พร้อมกับเลิกอาหารเนื้อสัตว์ทุกชนิด
หันกลับมาทานข้าวกล้องและอาหารผักผลไม้สด ทานรางจืดได้ไม่นาน
เธอต้องลงมานอนข้างล่างเพราะผิวหนังของเธอเต็มไปด้วยตุ่ม หนอง น้ำเหลือง
ไหลออกมานอกตัว เหมือนคนเป็นโรคเรื้อน แต่เธอก็อดทนทานยาต่อไปจนครบ ๑ เดือน
ผิวหนังที่เป็นตุ่ม เป็นหนองก็แห้งลง จนไม่เหลือร่องรอยอีก
เมื่อไปพบแพทย์ที่เคยวินิจฉัยตอนแรกว่าเธอมีเนื้องอกในมดลูก ตรวจอีกครั้ง
หมอยังแปลกใจว่า ก้อนเนื้องอกนั้นยุบเล็กลง จนไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออกแล้ว
นับจากวันที่เริ่มทานรางจืด
เธอได้เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่หมด เลิกทานเหล้า เลิกกินเนื้อสัตว์ใหญ่ ทานข้าวกล้อง
และผักผลไม้เป็นหลัก ออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ อบตัวเป็นประจำด้วยสมุนไพรไทย
ขัดตัวด้วยมะขามผสมผงขมิ้น เธอเลิกใช้เครื่องสำอางราคาแพงที่เคยแสวงหามาใช้
-ขอบคุณบทความนี้มากๆ
เชื่อหรือไม่เชื่อมันถึงเวลาที่ฉันต้องทำอะไรแล้ว กับร่างกายตัวเอง
จับประเด็นได้ดังนี้คะ
1.
ต้องล้างพิษออกจากร่างกาย
ด้วยสมุนไพรชื่อ รางจืด (มันคือต้นอะไรอะ
แล้วหน้าตามันเป็นยังไงหนอ)
2.
ดื่มรางจืดพร้อมกับน้ำซาวข้าว
(เอาละสิที่บ้านไม่ได้ทำกับข้าวอะ)
3.
เลิกอาหารเนื้อสัตว์ใหญ่
(สัตว์เล็กกินได้)
4.
เลือกทานข้าวกล้องและผักผลไม้สด
5.
ออกกำลังกาย
6.
ฝึกสมาธิ
7.
อบตัวเป็นประจำด้วยสมุนไพรไทย
8.
ขัดตัวด้วยมะขามผสมผงขมิ้น
9.
เลิกใช้เครื่องสำอางราคาแพงที่เคยแสวงหามาใช้
สิวเรื้อรัง เพราะยา >>>ล้างพิษด้วย รางจืด
การล้างพิษสามารถทำได้โดยการกินอาหารที่มีแอนติออกซิแดนต์
หรือสารต้านอนุมูลอิสระ
ให้มาก เช่น
ผัก ผลไม้ ผักใบเขียวๆ มะละกอ แครอต ตำลึง ฯลฯ สมัยก่อนชาวบ้านมักจะเชื่อว่า
รางจืด, ว่านจืด, ข่าจืด
ช่วยล้างพิษได้ แต่ที่นิยมมากที่สุดขณะนี้คือ รางจืด สรรพคุณรางจืดตามตำรายาไทยกล่าวไว้ว่า
"รางจืดรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาเขียวถอนพิษไข้ ถอนพิษผิดสำแดงและพิษอื่นๆ
ใช้แก้ร้อนใน กระหายน้ำ รักษาโรคหอบหืดเรื้อรัง และแก้ผื่นคันจากอาการแพ้ต่างๆ
ใช้แก้พิษเบื่อเมาเนื่องจากเห็ดพิษ สารหนู หรือแม้ยาเบื่อประเภทยาสั่ง v สำหรับคนที่เป็นนักดื่มสุราย่อมรู้ดีว่ารางจืดช่วยถอนพิษสุราได้
สิ่งที่ยอมรับคือ หากดื่มสุราจัดเกินขนาดแล้วเกิดอาการเมาค้าง
รางจืดช่วยถอนอาการเมาค้างได้แน่ รางจืด จึงเป็นสมุนไพรไทยที่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่า
มีสรรพคุณแก้ท้องร่วง อาการแพ้ ผื่นคัน แก้พิษยาฆ่าแมลงในสัตว์
แก้พิษจากสารในยากำจัดศัตรูพืช แก้พิษเคมี พิษเบื่อเมา พิษแอลกอฮอล์
พิษสุราเรื้อรัง พิษสะสมในร่างกาย ไข้ร้อนใน
แต่รางจืดมันจะไม่เลือกพิษทีล้างนะ
ดังนั้นเวลาที่เราจะกินรางจืด ไม่ควรกินพวกวิตามินหรืออาหารเสริมที่มีประโยชน์นะ
เพราะมันจะล้างหมดเลยอะ ถ้าวันไหนดื่มรางจืด ก็ควรจะงดทานของดีมีประโยชน์นะคะมันเสียดาย
ล้างพิษด้วย
น้ำมะนาว
สำหรับคนที่เป็น
สิว ไม่ว่าจะเป็น สิวหัวช้าง หรือ สิวเสี้ยน ทั่วไป วิธีรักษา สิว อย่างได้ผลที่สามารถทำได้เอง
หนึ่งในนั้นคือ ใช้น้ำมะนาวเพื่อบรรเทารักษา สิวซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติในการรักษาสิวที่ง่ายและปลอดภัย
สามารถใช้ได้ทั้งทาบนผิวและดื่ม
ทั้งสองวิธีจะช่วยลดการเกิดสิวและรอยแผลเป็นทั้งภายนอกและภายในผลการ รักษาสิว –
ได้มีทดลองใช้น้ำมะนาวทั้งสองวิธีแล้ว
(ทาโดยตรงบนผิวหน้า และดื่ม) และพบว่าภายใน 3
สัปดาห์
สิวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเชื่อว่าการผสมน้ำมะนาวกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน
จะช่วยให้ผลเร็วขึ้น
ทาน้ำมะนาวโดยตรงบนสิว
เพื่อรักษาอาการ สิว น้ำมะนาวมีกรดผลไม้
AHA หรือ Alpha
Hydroxy Acids ทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก
ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างได้ผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว
ยังช่วยชำระรูขุมขนและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น สดใสด้วย
วิธีรักษา
สิว โดยสูตรน้ำมะนาว
1. ล้างหน้าให้สะอาด
2. บีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาในถ้วยเล็ก
ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป
3. ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว
สิวหัวดำ สิวหัวหนอง
4. ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก
ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ (หากคุณต้องใช้เมคอัพ)
5. หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวนั้นแรงเกินไป
แม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตาม ให้ทิ้งไว้ 10
นาที
แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
วิธีการนี้ใช้เวลา
2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำจึงจะเห็นผล
ดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาสิว
สามารถใช้วิธีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาและทำความสะอาดภายในร่างกาย
หรือขจัดสารพิษออกจากตับ
และเพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย
น้ำมะนาวนั้นเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ที่ช่วยให้กระชุ่มกระชวย
ดื่มง่าย และทำได้ง่าย
ความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง
ที่ทุกคนควรดื่ม (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นคือ :
- ขจัดกรดต่าง ๆ
ที่ตกค้างออกไป เพราะน้ำมะนาวมีแร่ธาตุต่าง ๆ (วิตามินซี, โพแทสเซียม)
- บรรเทาอาการท้องผูก
- ทำความสะอาดตับด้วยกรดซิตริก
และสร้างเอนไซม์เพื่อขจัดสารพิษในเลือด
- ช่วยกระบวนการย่อยอาหาร
- กำจัดนิ่วในไต และตับอ่อน
ดื่มน้ำมะนาว 1 ผลมน้ำเปล่า
2 ถ้วย (ถ้วยละ 8
ออนซ์) ดื่มได้ทั้งวัน หรือจะผสมกับน้ำอุ่มที่ต้มแล้ว
1 ถ้วย (8
ออนซ์) ในตอนเช้า หลังจากดื่มน้ำมะนาว
งดการดื่ม หรือรับประทานสิ่งใด ๆ ภายในครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย
สมุนไพรที่
ใช้รักษาสิว ได้แก่
ว่านหางจรเข้ล้าง หน้าเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ใช้วุ้นจากใบสดทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก
ข้อควรระวัง ต้อง ล้างยางสีเหลืองจากขอบใบออกให้หมดก่อนใช้ เนื่องจากมีฤทธิ์ระคายเคืองมาก อาจทำให้เกิดการแพ้ สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า ถ้าจะดีมีขายแบบสำเร็จน่าจะดีกว่านะ น่าจะสะอาดกว่า
เปลือก มังคุดบดผง 100%
"มังคุด"ผลไม้ที่ถูกยกย่องให้เป็น ราชินีของผลไม้ แต่นอกเหนือจากความอร่อยของเนื้อในมังคุดแล้ว เปลือกของมังคุดนั้น คนไทยเรายังได้รู้จักนำเอาเปลือกไปใช้ประโยชน์เป็นยารักษาโรคมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเปลือกมังคุดมาใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง สรรพคุณที่โดดเด่นของเปลือกมังคุดที่เรารู้จักใช้กันมานานคือการใช้เปลือก มังคุดในการรักษาโรคผิว สิวต่างๆ บรรเทาอาการผดผื่น โดยใช้เปลือกมังคุดแห้งมาต้มน้ำอาบ หรือใช้น้ำต้มเปลือกมังคุดทาบริเวณที่มีอาการ และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้เอง เปลือกมังคุดจึงถูกดึงมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สบู่ที่ช่วยบรรเทาโรคผิวหนัง สบู่รักษาสิวฝ้า ซึ่งเป็นที่นิยม
จริงๆ แล้วเปลือกมังคุดได้รับการพิสูจน์และยืนยัน จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า รสฝาดในเปลือกมังคุดมีสารที่เรียกว่า แทนนิน(tannin)ซึ่งมีฤทธิ์สมานแผลช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สารแซนโทน(Xanthon)ช่วยยับยั้งเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังได้ และสารที่มีชื่อเรียกเฉพาะชื่อเดียวกับมังคุดว่า แมงโกสติน (Mangostin) มีฤทธืช่วยลดการอักเสบ และต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง
ผลวิจัยจะ พบว่าเปลือกมังคุด เปลือกทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก มีคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระที่เหมาะสมมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ และพบว่าเปลือกมังคุดประกอบด้วยสารธรรมชาติ GM-1 ซึ่งมี คุณสมบัติเด่น 4 ประการ คือ
1. ระงับการเจริญของเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุสิว
2. ต้านการอักเสบ
3. ต้านอนุมูลอิสระ
4. ช่วยสมานผิว กระชับรูขุมขน
วิธี ใช้ ใช้ ผสมน้ำเปล่าเท่านั้นอย่าให้ข้นหรือใสเกินไป พอกหน้าจนแห้งแล้วล้างออก หรือแต้มหัวสิวหนอง ยุบทันใจใน1-2วัน
บัวบกบดผง100%
ผลจากงานวิจัยสกัดสารต้านสิว ในบัวบกมีกลุ่มสารสำคัญจำพวกไตรเทอร์ปีน และกลัยโคไซด์ของไตรเทอร์ปีน ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีผลการวิจัยรองรับมาก มาย ทั้งการศึกษาในสัตว์ ทดลองและในคน โดยพบว่าสารในบัวบกมีฤทธิ์ในการรักษาแผลกระตุ้น การสร้าง collagen เร่งขบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ จึงช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น และมีประโยชน์ในการรักษาแผลเป็นและ keloid โดยสามารถลดการเกิดfibrosis จึงช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นได้
สารสกัดบัวบกยังมีฤทธิ์ต้านการ อักเสบและต้านอาการแพ้ จึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหรืออักเสบ เนื่องจากแมลงกัดต่อย และลดอาการข้ออักเสบในคนไข้ได้อีกด้วย จากผลการทดลองใช้ครีมบัวบกทาแผลอักเสบหลังผ่าตัด พบว่าช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ สารสกัดน้ำบัวบกมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ S.aureus และเชื้ออื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดหนองได้ โดยผลต่อการเรียนรู้สารสกัดน้ำของบัวบก ขนาด 200 มก./กก. สามารถทำให้การเรียนรู้และความจำของหนูทดลองดีขึ้น ทั้งยังพบว่าสารสกัดบัวบกช่วยเพิ่มความสามารถ ในการเรียนรู้ของหนูที่มีอาการอัลไซเมอร์ได้
จากการวิจัยของ รศ.ดร.วันดี กฤษณพันธ์ อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าบัวบกชนิดก้านขาว ให้สารสกัดน้อยกว่าบัวบก ชนิดก้านแดง โดยบัวบกทั้งสองชนิด ประกอบด้วยสารสำคัญ asiaticoside และสารอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ศึกษาวิจัยการ นำสารสกัดบัวบกมาผลิต เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายชนิด
โดยพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสกัด บัวบก ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยในการสมานผิว ป้องกันรอยแผลเป็น ช่วยลดความหยาบกร้านของผิว และลดการสะสมของแบคทีเรียได้อย่างดี บัวบกที่มีฤิทธิ์ฆ่าเชื้อ เมื่อใช้แต้มหัวสิว จากการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง พบว่าทำให้สิวแห้งและหายเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
วิธีใช้ นำมาผสมน้ำสะอาด พอกหน้าแห้งแล้วล้างออก
ทนาคา100%
ทนาคา" พาสวยด้วยสมุนไพรสืบตำนานโบราณ... เน้นงามแบบผิวพม่าฯ
ถ้าเป็นสมุนไพรไทย ที่เกี่ยวกับผิวพรรณละก็ต้องนี่เลย "ขมิ้นชัน" แต่ถ้าเป็นสมุนไพรเคล็ดลับผิวสวยของพม่าก็ต้อง "ทนาคา" หรือ "กระแจะ" ไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เวลานี้ถูกนำมาเป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายหลาก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า "ไม้ทนาคา" นั้น พม่าใช้ฝนกับหินผสมกับน้ำ ใช้ประทินผิวมาแต่โบราณ จนมีสำนวนเปรียบเทียบว่า "ผิวพม่านัยน์ตาแขก"ผิวสาวพม่าส่วนใหญ่จึงสวย เนียน และผิวค่อนข้างละเอียด เนื้อไม้ทนาคา ซึ่งเป็นสมุนไพรที่พบได้มาก จากทางฝั่งพม่า เมื่อตากแห้งสนิทและนำมาบดผงแล้วสามารถนำมาผสมทำครีมพอกหน้าได้อย่างวิเศษ สามารถผสม
*น้ำผึ้ง(สำหรับคนผิวแห้ง)
*น้ำมะขามเปียก(สำหรับผิวที่ ด่างดำ)
*ขมิ้นชัน(สำหรับผิวที่มีสิว)
*นมสดรสจืด(สำหรับผิวที่ต้อง การความนุ่มเนียน)
*โยเกิร์ต (สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มและใส)
เมื่อ บดผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็จะได้ครีมสำหรับพอกหน้าที่มีเนื้อสัมผัสไม่ถึงกับละเอียดนัก ทั้งนี้ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกเผยผิวใหม่ เนื้อครีมอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีสรรพคุณช่วยประทินผิว มีกลิ่นหอมสมุนไพรธรรมชาติ (ไม่แต่งกลิ่น) และไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อผิว"
วิธีใช้ เพียงนำครีมผสมให้ข้น(ผสมครั้งต่อครั้ง ห้ามผสมทิ้งไว้) มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แห้งแล้วใช้มือขัดออก ทำทุกวันก่อนอาบน้ำ แค่สัปดาห์เดียวจะรู้สึกว่าผิวหน้า ที่แห้งหยาบกร้าน กลับมาชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล และดูเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ส่วนริ้วรอยจากฝ้า หรือกระ ที่มีอยู่จะค่อยๆ จางลง
*นี่คือภูมิปัญญาจาก สมุนไพรพื้นบ้าน ที่สามารถแต่งเติม ความงามได้ไม่แพ้ครีมของนอก หรืออีกนัย ถ้าคุณได้ลองอาจจะดีกว่าของนอก ถูกกับผิวชาวเอเชียอย่างเรามากกว่าด้วยซ้ำค่ะ
ข้อมูล ความมหัศจรรย์ของทนาคา สมุนไพร จากไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21มค.48 หน้า7
ว่านหางจรเข้ล้าง หน้าเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ใช้วุ้นจากใบสดทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก
ข้อควรระวัง ต้อง ล้างยางสีเหลืองจากขอบใบออกให้หมดก่อนใช้ เนื่องจากมีฤทธิ์ระคายเคืองมาก อาจทำให้เกิดการแพ้ สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า ถ้าจะดีมีขายแบบสำเร็จน่าจะดีกว่านะ น่าจะสะอาดกว่า
เปลือก มังคุดบดผง 100%
"มังคุด"ผลไม้ที่ถูกยกย่องให้เป็น ราชินีของผลไม้ แต่นอกเหนือจากความอร่อยของเนื้อในมังคุดแล้ว เปลือกของมังคุดนั้น คนไทยเรายังได้รู้จักนำเอาเปลือกไปใช้ประโยชน์เป็นยารักษาโรคมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเปลือกมังคุดมาใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง สรรพคุณที่โดดเด่นของเปลือกมังคุดที่เรารู้จักใช้กันมานานคือการใช้เปลือก มังคุดในการรักษาโรคผิว สิวต่างๆ บรรเทาอาการผดผื่น โดยใช้เปลือกมังคุดแห้งมาต้มน้ำอาบ หรือใช้น้ำต้มเปลือกมังคุดทาบริเวณที่มีอาการ และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้เอง เปลือกมังคุดจึงถูกดึงมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สบู่ที่ช่วยบรรเทาโรคผิวหนัง สบู่รักษาสิวฝ้า ซึ่งเป็นที่นิยม
จริงๆ แล้วเปลือกมังคุดได้รับการพิสูจน์และยืนยัน จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า รสฝาดในเปลือกมังคุดมีสารที่เรียกว่า แทนนิน(tannin)ซึ่งมีฤทธิ์สมานแผลช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สารแซนโทน(Xanthon)ช่วยยับยั้งเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังได้ และสารที่มีชื่อเรียกเฉพาะชื่อเดียวกับมังคุดว่า แมงโกสติน (Mangostin) มีฤทธืช่วยลดการอักเสบ และต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง
ผลวิจัยจะ พบว่าเปลือกมังคุด เปลือกทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก มีคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระที่เหมาะสมมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ และพบว่าเปลือกมังคุดประกอบด้วยสารธรรมชาติ GM-1 ซึ่งมี คุณสมบัติเด่น 4 ประการ คือ
1. ระงับการเจริญของเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุสิว
2. ต้านการอักเสบ
3. ต้านอนุมูลอิสระ
4. ช่วยสมานผิว กระชับรูขุมขน
วิธี ใช้ ใช้ ผสมน้ำเปล่าเท่านั้นอย่าให้ข้นหรือใสเกินไป พอกหน้าจนแห้งแล้วล้างออก หรือแต้มหัวสิวหนอง ยุบทันใจใน1-2วัน
บัวบกบดผง100%
ผลจากงานวิจัยสกัดสารต้านสิว ในบัวบกมีกลุ่มสารสำคัญจำพวกไตรเทอร์ปีน และกลัยโคไซด์ของไตรเทอร์ปีน ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีผลการวิจัยรองรับมาก มาย ทั้งการศึกษาในสัตว์ ทดลองและในคน โดยพบว่าสารในบัวบกมีฤทธิ์ในการรักษาแผลกระตุ้น การสร้าง collagen เร่งขบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ จึงช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น และมีประโยชน์ในการรักษาแผลเป็นและ keloid โดยสามารถลดการเกิดfibrosis จึงช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นได้
สารสกัดบัวบกยังมีฤทธิ์ต้านการ อักเสบและต้านอาการแพ้ จึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหรืออักเสบ เนื่องจากแมลงกัดต่อย และลดอาการข้ออักเสบในคนไข้ได้อีกด้วย จากผลการทดลองใช้ครีมบัวบกทาแผลอักเสบหลังผ่าตัด พบว่าช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ สารสกัดน้ำบัวบกมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ S.aureus และเชื้ออื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดหนองได้ โดยผลต่อการเรียนรู้สารสกัดน้ำของบัวบก ขนาด 200 มก./กก. สามารถทำให้การเรียนรู้และความจำของหนูทดลองดีขึ้น ทั้งยังพบว่าสารสกัดบัวบกช่วยเพิ่มความสามารถ ในการเรียนรู้ของหนูที่มีอาการอัลไซเมอร์ได้
จากการวิจัยของ รศ.ดร.วันดี กฤษณพันธ์ อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าบัวบกชนิดก้านขาว ให้สารสกัดน้อยกว่าบัวบก ชนิดก้านแดง โดยบัวบกทั้งสองชนิด ประกอบด้วยสารสำคัญ asiaticoside และสารอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ศึกษาวิจัยการ นำสารสกัดบัวบกมาผลิต เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายชนิด
โดยพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสกัด บัวบก ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยในการสมานผิว ป้องกันรอยแผลเป็น ช่วยลดความหยาบกร้านของผิว และลดการสะสมของแบคทีเรียได้อย่างดี บัวบกที่มีฤิทธิ์ฆ่าเชื้อ เมื่อใช้แต้มหัวสิว จากการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง พบว่าทำให้สิวแห้งและหายเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
วิธีใช้ นำมาผสมน้ำสะอาด พอกหน้าแห้งแล้วล้างออก
ทนาคา100%
ทนาคา" พาสวยด้วยสมุนไพรสืบตำนานโบราณ... เน้นงามแบบผิวพม่าฯ
ถ้าเป็นสมุนไพรไทย ที่เกี่ยวกับผิวพรรณละก็ต้องนี่เลย "ขมิ้นชัน" แต่ถ้าเป็นสมุนไพรเคล็ดลับผิวสวยของพม่าก็ต้อง "ทนาคา" หรือ "กระแจะ" ไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เวลานี้ถูกนำมาเป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายหลาก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า "ไม้ทนาคา" นั้น พม่าใช้ฝนกับหินผสมกับน้ำ ใช้ประทินผิวมาแต่โบราณ จนมีสำนวนเปรียบเทียบว่า "ผิวพม่านัยน์ตาแขก"ผิวสาวพม่าส่วนใหญ่จึงสวย เนียน และผิวค่อนข้างละเอียด เนื้อไม้ทนาคา ซึ่งเป็นสมุนไพรที่พบได้มาก จากทางฝั่งพม่า เมื่อตากแห้งสนิทและนำมาบดผงแล้วสามารถนำมาผสมทำครีมพอกหน้าได้อย่างวิเศษ สามารถผสม
*น้ำผึ้ง(สำหรับคนผิวแห้ง)
*น้ำมะขามเปียก(สำหรับผิวที่ ด่างดำ)
*ขมิ้นชัน(สำหรับผิวที่มีสิว)
*นมสดรสจืด(สำหรับผิวที่ต้อง การความนุ่มเนียน)
*โยเกิร์ต (สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มและใส)
เมื่อ บดผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็จะได้ครีมสำหรับพอกหน้าที่มีเนื้อสัมผัสไม่ถึงกับละเอียดนัก ทั้งนี้ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกเผยผิวใหม่ เนื้อครีมอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีสรรพคุณช่วยประทินผิว มีกลิ่นหอมสมุนไพรธรรมชาติ (ไม่แต่งกลิ่น) และไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อผิว"
วิธีใช้ เพียงนำครีมผสมให้ข้น(ผสมครั้งต่อครั้ง ห้ามผสมทิ้งไว้) มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แห้งแล้วใช้มือขัดออก ทำทุกวันก่อนอาบน้ำ แค่สัปดาห์เดียวจะรู้สึกว่าผิวหน้า ที่แห้งหยาบกร้าน กลับมาชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล และดูเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ส่วนริ้วรอยจากฝ้า หรือกระ ที่มีอยู่จะค่อยๆ จางลง
*นี่คือภูมิปัญญาจาก สมุนไพรพื้นบ้าน ที่สามารถแต่งเติม ความงามได้ไม่แพ้ครีมของนอก หรืออีกนัย ถ้าคุณได้ลองอาจจะดีกว่าของนอก ถูกกับผิวชาวเอเชียอย่างเรามากกว่าด้วยซ้ำค่ะ
ข้อมูล ความมหัศจรรย์ของทนาคา สมุนไพร จากไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21มค.48 หน้า7
ตอบลบgood day every one, i have come to tell the world on how i was cured from HIV AIDS i never believe there are still good herbal doctor until i met doctor okos, i suffer HIV AIDS for good 15years but now am free and all medical test prove that i am cured, am happy today, a friend of mine that was suffering from HERPES also get the medicine and now she is cured, that is the reason why i have come to tell the world that of a truth doctor okos herbal home is the solution to your problem,
why wait and suffer when there is someone like Dr okos
that can cure any disease
HIV/ AIDS
CANCER/
HEPATITIS B VIRUS,
Herpes asthma,,
Diabetic 1&2,
SPELL
BARENESS
STROKE
do not die in silent, all you need to is to contact him, okosherbalhome@gmail.com you can also contact via his whatsap number +2348134156715
okosherbalhome@gmail.com